Perhaps Rabbit (in Wonderland)
เริ่มมาจาก ร้าน Pop me up ซึ่งขายแต่เค้ก Pop ที่เป็น แบบ customized order เพียงอย่างเดียว และขายทาง Online อย่างเดียวในปีแรก ต่อมาเปิดหน้าร้านเพื่อเป็น showroom ให้ลูกค้าเข้ามาดูแบบได้

เมื่อมีความต้องการที่จะต่อยอดจากสิ่งที่ทำอยู่ และต้องการขยายฐานลูกค้า ต้องการทำร้านให้ลูกค้าได้มานั่งทาน ถ่ายรูป เลยต้องเปลี่ยนชื่อร้าน เป็น Perhaps Rabbit เพราะเกรงว่า กลัวคนจะตีกรอบแบรนด์ Pop me up ขายเค้ก Pop เพียงอย่างเดียว
ซึ่งขนมในร้านนี้ เป็นแบบ creative style ด้วย ความที่ทุกคนชอบทำขนมอยู่แล้ว ประกอบกับ หุ้นส่วนมีความสามารถต่างกัน จึงทำให้ขนมออกมาสไตล์ดี และอร่อย พร้อมกับเห็นว่า ช่องของขนมที่อร่อยและมีความ creative ทั้งไม่มีใครเข้ามาทำ


โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก การตั้งโจทย์ที่ว่า คนสมัยนี้เป็นแบบไหน ต้องการอะไร และชอบทำอะไร โดยบรรยายกาศภายในร้านสามารถถ่ายรูปได้ทุกคน ส่วนการทำงานที่มีหุ้นส่วนนั้น แบ่งงานกันอย่างชัดเจน
ซึ่งคนแรก จะคอยดูแล cake pop เพราะต้องใช้ความ creative
คนที่สอง เมนูเค้ก สูตรต่างๆ และบัญชี
ส่วนคนสุดท้าย ดูแล operation และ marketing
แต่ทั้งนี้ทุกคนสามารถทำแทนกันได้
ในด้าน Marketing นั้น ไม่เสียเงินทางด้านนี้มากนัก และได้ออกบูธ ซึ่งทำให้ได้ กลุ่มลูกค้าเพิ่ม คือ tourist
นอกจากกลุ่มลูกค้าเดิมคือ เด็กมหาวิทยาลัย และคนทำงาน
ส่วนความท้าทายของการทำ Perhaps rabbit นั้น คือการโดน copy ทำให้ทางร้านต้องคอยพัฒนาสินค้าให้เป็นรูปแบบใหม่ๆตลอดเวลา
นอกจากนี้ปัญหาสำคัญของร้านคือ เรื่องคน แต่เป็นเรื่องที่แก้ไขได้อย่าง สิ่งสำคัญของร้านคือ ขนมทำใหม่ทุกวัน โดยทางร้านพยายามให้เกิดการทิ้งของน้อยที่สุด ด้วยการ plan ล่วงหน้า โดยดูจาก feedback ลูกค้า
ทาง Perhaps rabbit นั้น ฝากบอกว่า คนที่อยากออกมาเปิดร้านขนมหรืออาหาร ต้องสนใจที่จะทำจริงๆ เพราะตลาดนี้คู่แข่งเยอะ เราจะต้องดึงจุดเด่นของเราออกมาให้ได้
